ชื่อสมุนไพร
| กระเจียวแดง |
ชื่ออื่นๆ
| ดอกดิน กระเจียวโคก กระชายดง (เลย) อาวขาว (เชียงใหม่) ว่านมหาเมฆ |
ชื่อวิทยาศาสตร์
| Curcuma sessilis Gage. |
ชื่อพ้อง
| |
ชื่อวงศ์
| Zingiberaceae |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดินอยู่ได้หลายปี สูง 40-60 เซนติเมตร อาจขึ้นเป็นต้นเดียวหรือหลายต้นรวมกันเป็นกอ สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใบเป็นกาบห่อรวมตัวกันแน่นเป็นลำต้นเทียม ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนาน ปลายใบแหลม ฐานใบแหลม เส้นใบขนาน ยาว 30-40 เซนติเมตร กว้าง 15-20 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ผิวเกลี้ยง หรือมีขนสั้นนุ่ม ดอกออกเป็นช่อแน่นแบบช่อเชิงลด รูปทรงกระบอก ยาว 10-20 เซนติเมตร ก้านช่อดอกชูออกจากปลายลำต้นเทียม ช่อดอกย่อย แต่ละช่อมีดอก 2-7 ดอก ใบประดับที่โคนช่อดอกรองรับดอกสีเขียว ดอกสีเหลือง หลอดกลีบเลี้ยงยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หลอดกลีบดอกยาว 1-2 เซนติเมตร มีขน แฉกบนรูปรี แฉกข้างแคบกว่าเล็กน้อย กลีบปากรูปไข่กลับ สีเหลือง ปลายแยกเป็น 2 พู เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันรูปไข่กลับหรือรูปรี สีเหลือง มีขนสั้น เกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ มีจุดสีแดงจำนวนมาก โคนอับเรณู เรียวแหลมเป็นเดือย 2 อัน โค้งเข้าหากัน เกสรเพศเมีย มีรังไข่ใต้วงกลีบ มีขนสั้นหนาแน่น ผลรูปไข่ ผิวมีขนหนาแน่น เมล็ดมีรูปร่างคล้ายหยดน้ำยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยเหง้า เกิดตามป่าดิบทั่วไป ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม ช่อดอกอ่อน หน่ออ่อน นำมาลวก จิ้มน้ำพริก
ไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดินอยู่ได้หลายปี สูง 40-60 เซนติเมตร อาจขึ้นเป็นต้นเดียวหรือหลายต้นรวมกันเป็นกอ สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใบเป็นกาบห่อรวมตัวกันแน่นเป็นลำต้นเทียม ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนาน ปลายใบแหลม ฐานใบแหลม เส้นใบขนาน ยาว 30-40 เซนติเมตร กว้าง 15-20 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ผิวเกลี้ยง หรือมีขนสั้นนุ่ม ดอกออกเป็นช่อแน่นแบบช่อเชิงลด รูปทรงกระบอก ยาว 10-20 เซนติเมตร ก้านช่อดอกชูออกจากปลายลำต้นเทียม ช่อดอกย่อย แต่ละช่อมีดอก 2-7 ดอก ใบประดับที่โคนช่อดอกรองรับดอกสีเขียว ดอกสีเหลือง หลอดกลีบเลี้ยงยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หลอดกลีบดอกยาว 1-2 เซนติเมตร มีขน แฉกบนรูปรี แฉกข้างแคบกว่าเล็กน้อย กลีบปากรูปไข่กลับ สีเหลือง ปลายแยกเป็น 2 พู เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันรูปไข่กลับหรือรูปรี สีเหลือง มีขนสั้น เกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ มีจุดสีแดงจำนวนมาก โคนอับเรณู เรียวแหลมเป็นเดือย 2 อัน โค้งเข้าหากัน เกสรเพศเมีย มีรังไข่ใต้วงกลีบ มีขนสั้นหนาแน่น ผลรูปไข่ ผิวมีขนหนาแน่น เมล็ดมีรูปร่างคล้ายหยดน้ำยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยเหง้า เกิดตามป่าดิบทั่วไป ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม ช่อดอกอ่อน หน่ออ่อน นำมาลวก จิ้มน้ำพริก
สรรพคุณ
หน่ออ่อน ช่วยสมานแผล ดอกอ่อน มีรสเผ็ดร้อน กลิ่นหอม ใช้ขับลม เหง้า แก้ปวดเมื่อย
หน่ออ่อน ช่วยสมานแผล ดอกอ่อน มีรสเผ็ดร้อน กลิ่นหอม ใช้ขับลม เหง้า แก้ปวดเมื่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น