วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559


กระเจี๊ยบแดง (อังกฤษRoselle, Jamaican Sorel, Roselle, Rozelle, Sorrel, Red Sorrel, Kharkade, Karkade, Vinuela, Cabitutu
        กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa Linn. จัดอยู่ในวงศ์ชบา malvaceae 
        กระเจี๊ยบแดง ภาคเหนือ เรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตาก เรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลาง เรียก กระเจี๊ยบ 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเจี๊ยบเปรี้ยวเป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 3–6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน
การขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด


สรรพคุณทางยา
- ผลอ่อน สามารถรับประทานเพื่อขับพยาธิ
- น้ำกระเจี๊ยบช่วยบำรุงเลือด
- น้ำกระเจี๊ยบช่วยลดอาการไอ
 -ผลกระเจี๊ยบช่วยขับปัสสวะ เป็นยาระบาย
- น้ำกระเจี๊ยบมีวิตามินซีสูง ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน
- น้ำกระเจี๊ยบช่วยรักษาอาการต่อมลูกหมากโต


วิธีการทำน้ำกระเจี๊ยบเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

          นำเมล็ดกระเจี๊ยบพร้อมกลีบเลี้ยงที่โตเต็มที่ มีสีแดงจัดมาตากจนแห้ง จากนั้นนำมาล้างน้ำและพักเอาไว้ นำน้ำมาต้มให้เดือดจากนั้นนำกระเจี๊ยบแห้งที่เตรียมไว้ลงไปต้มประมาณ 20-30 นาที จะได้น้ำกระเจี๊ยบสีแดงเข้ม ยกออกกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำกระเจี๊ยบที่มีรสเปรี้ยว นำน้ำที่กรองได้มาเติมน้ำตาลทรายให้มีความหวานปนเปรี้ยว เทใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ดื่มได้นานหลายวัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น